พระนางพญา
วันนี้หยิบหัวข้อนี้ขึ้นมาเขียน นั้นอันที่จริงข้าพเจ้าก็ไม่ใช่เซียนพระ และไม่มีความรู้เรื่องพระเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่เขียนถึง "พระนางพญา" เหตุเพราะว่า มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านเข้ามาทัก และจะมอบ "พระนางพญา" ที่ตนเองเช่ามาหมาดๆ มาให้ข้าพเจ้าเช่าต่อ ท่านพระนี้เหมาะกับข้าพเจ้า อยากให้ข้าพเจ้าได้เป็นเจ้าของ ข้าพเจ้าก็ได้ขอบคุณท่านที่มีน้ำใจนึกถึงข้าพเจ้า โดยนำพาสิ่งดีมามอบให้ และ เมื่อพร้อมจะไปขอเช่าจากท่านต่อไป ให้ท่านได้เก็บรักษาไว้ก่อน
ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงอยากทราบประวัติ ความเป็นมาของ "พระนางพญา" จึงได้ค้นหาข้อมูล เมื่อพบแล้วจึงประสงค์จะเผยแพร่ให้ผู้สนใจได้อ่านเป็นความรู้ไว้เช่นกันค่ะ ต้องขอขอบคุณ http://pranangpaya.com/ มา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ
ประวัติและสาเหตุของการสร้างพระนางพญา
หลังจากการสิ้นพระชนม์ของ สมเด็จพระสุริโยทัย พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้กษัตริษยืพม่าได้ล้อมกรุงศรอยุธยาเป็นเวลานานสองเดือนไม่สามารถบุกยึดตีดรุงศรีอยุธยาได้ ทั้งนี้เนื่องจากมีขุนพิเรนทรเทพ (พระมหาธรรมราชาที่ 3) เป็นแม่ทัพผู้นำทหาร ทหารเอกของขุนพิเรนทรฯ นั้นมีความหมายสามารถในการรบกล้าหาญชาญชัย ทหารทุกคนต้องมีพระเครื่องที่สำคัญเป็นกำลังใจในการออกรบทุกครั้ง พระเครื่องในสมัยนั้นที่นิยมได้แก่ พระชินราชใยเสมาเนื้อชิน นำมาแขวนคอโดยใช้เชือกหรือลวดถักเป็นตาข่าย และพระวัดจุฬามณี (สร้างในสมัยพญาลิไท) นิยมพันกับผ้าประเจียดมักที่แขน นอกจากนี้ยังมีพระเครื่องตระกูลลำพูน พระเครื่องตระกูลกำแพงเพชร และพระเครื่องตะกูลสุพรรณบุรี
ในการสร้างวัดและสร้างพระในสมัยพระมหาธรรมราชธิราช จะทำอย่างเปิดเผยไม่ได้ อีกประการหนึ่งศิลปะในการสร้างนั้นแตกต่างกับการสร้างพระเครื่องในสมัยพญาลิไท เพราะบ้านเมืองอยู่ในความสงบ ร่มเย็น พระครื่องจึงมีพุทธศิลป์ที่สวยงาม เช่น พระชินราชใบเสมา พระจุฬามณี
พระนางพญา ออกแบบด้วยไม้มงคลแกะสลัก เป็นต้นแบบศิลปะสมัยอยุธยาแบบ ง่ายๆ แต่แฝงความหมายอย่างลึกซึ้ง
ความหมายที่หนึ่ง สามเหลี่ยมนั้นเป็นสัญลักษณ์ของธาตุไฟ หมายถึง ความคงกระพันชาตรีเป็นหลัก
ความหมายที่สอง หมายถึงปัญญาหลักแหลม ชาญฉลาด
ความหมายที่สาม หมายถึงพระจะต้องมีฐานตั้งบูชาได้ หลังจากการติดตัวไปรบกลับมา ทั้งยังทรงพลังในอำนาจของพีรามิดอีกด้วย ทัศนคติความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่การสร้างพระรอดยุคแรกในสมัยของพระนางจามเทวีอีกด้วย และเป็นที่สังเกตอีกประการหนึ่งคือ พระเครื่องที่าร้างโดยพระฤาษีนั้น ส่วนใหญ่จะตั้งบูชาได้เช่น
- พระรอดพิมพ์ใหญ่ บุคแรก
- พระซุ้มกอ
- พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าแก่
- พระนางพญา
ซึ้งพระเครื่องดังกล่าวนี้เป็นพระเบญจภาคี ที่มีเนื้อดินผสมว่านเกสร และพระธาตุเป็นหลัก
รูปพระนางพญา เนื้อพระแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
- ชนิดเนื้อละเอียดปนหยาบ พระพิมพ์เนื้อชนิดนี้จะสวยงามในทางสุนทรียภาพสวยงาม หนึกหนุ่มกว่าพระชนิดอื่น บางคนนิยมเรียกว่า เนื้อกระดูก มีความแข็งแกร่งพอสัมผัสกับเหงื่อจะมีความสวยตามธรรมชาติ พระเนื้อนี้จะเป็นเนื้อที่นิยมมากกว่าเนื้อพระชนิดอื่น
- ชนิดเนื้อหยาบ เนื้อชนิดนี้เซียนโบราณนิยมแต่ไม่สวย เนื้อพระผุ ขาดความงามทางสุนทรียภาพ
- ชนิดเนื้อแก่แร่ เนื้อพระชนิดนี้เนื้อพระจะปรากฎมวลสารเม็ดใหญ่โผล่มาให้เห็นชัดเจน พอสันนิษฐานได้ว่าสร้างโดยสมเด็จพระวิสุทธิกษตริย์ (พระราชามารดาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช) และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นพระดินเผาผสมว่านเกสรและแร่ พุทธลักษณะเป็นพระนั่งปางมารวิชัย ศิลปะสมัยอยุธยา ในทรางสามเหลี่ยม มีขนาดต่างๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://pranangpaya.com/ 17 ธันวาคม 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น